วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

ประวัติ คาราบาว




คาราบาว

ก่อตั้ง[แก้]

วงคาราบาวในยุคก่อตั้ง (จากซ้ายไปขวา) เขียว , แอ๊ด , เล็ก

วงคาราบาวเกิดจากการก่อตั้งโดยนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีมาปัว กรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ 3 คน คือแอ๊ด - ยืนยง โอภากุล , เขียว - กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร และไข่ - สานิตย์ ลิ่มศิลา ขึ้นที่นั่น ในปี พ.ศ. 2523 โดยคำว่า คาราบาว เป็นภาษาตากาล็อก คือภาษาพื้นเมืองของฟิลิปปินส์ แปลว่า ควาย หรือคนใช้แรงงาน ซึ่งทางฟิลิปปินส์ถือเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นเกษตร โดยหมายจะเป็นวงดนตรีที่มีเนื้อหาเพื่อชีวิต

แอ๊ดได้มีโอกาสฟังเพลงของ เลด เซพเพลิน , จอห์น เดนเวอร์ , ดิ อีเกิ้ลส์ และ ปีเตอร์ แฟลมตัน จากแผ่นเสียงที่ไข่ได้สะสมไว้เป็นจำนวนมาก ต่อมาทั้ง 3 คนจึงร่วมกันตั้งวงดนตรีขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า คาราบาว เพื่อใช้ในการแสดงบนเวทีในงานของมหาวิทยาลัย โดยเล่นดนตรีแนวโฟล์คในเนื้อหาที่สะท้อนสภาพปัญหาและความเป็นจริงของสังคม

เมื่อกลับมาเมืองไทย แอ๊ดและเขียวได้ร่วมกันเล่นดนตรีในเวลากลางคืน โดยกลางวันแอ๊ดทำงานอยู่ที่การเคหะแห่งชาติ ขณะที่เขียวทำให้กับบริษัทฟิลิปปินส์ที่มาเปิดในประเทศไทย ส่วนไข่ก็ขอลาออกจากวงและแยกตัวออกไปทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ภาคใต้ ทั้งคู่ออกอัลบั้มชุดแรกของวง ในชื่อ ขี้เมา เมื่อปี พ.ศ. 2524 และแอ๊ดก็ได้ติดต่อวงโฮป ให้มาช่วยโปรดิวซ์ให้ในอัลบั้มชุดนี้ และทำให้คาราบาวเป็นที่รู้จักตั้งแต่อัลบั้มนี้

ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ได้มีสมาชิกในวงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน คือ เล็ก - ปรีชา ชนะภัย จากวงเพรสซิเดนท์ และได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในชื่อชุด แป๊ะขายขวด โดยเล็กได้ชักชวนสมาชิกวงเพรสซิเดนท์บางส่วน รวมทั้ง อ๊อด - อนุพงษ์ ประถมปัทมะ มือเบสที่ตอนนั้นยังอยู่ในวงเพรสซิเดนท์ ให้มาเล่นเป็นแบ็คอัพของทั้ง 3 คน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง
รุ่งเรือง[แก้]


วงคาราบาว เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในอัลบั้มชุดที่ 3 ในปี พ.ศ. 2526 จากอัลบั้มชุด วณิพก กับสังกัดอโซน่า ด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม โดยมีทีมแบ็คอัพชุดเดิม คือสมาชิกกวงเพรสซิเดนท์ บางส่วน แต่ได้หมู - พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ เข้ามาร่วมเล่นเครื่องเคาะ , เพอร์คัสชั่นให้ด้วย บทเพลงจากอัลบั้มนี้มีเนื้อหาที่แปลกแผกไปจากเพลงในยุคนั้น ๆ และดนตรีที่เป็นท่วงทำนองแบบไทย ๆ ผสมกับดนตรีตะวันตก มีจังหวะที่สนุกสนาน ชวนให้รู้สึกคึกคัก เต้นรำได้ จึงสามารถแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในดิสโก้เธคได้เป็นเพลงแรกของไทย[1] ต่อมาในปลายปีเดียวกัน คาราบาวก็ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 4 คือ ท.ทหารอดทน ซึ่งได้ เป้า - อำนาจ ลูกจันทร์ และ รัช - ไพรัช เพิ่มฉลาด เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในวง ในตำแหน่งมือกลอง และ มือเบสตามลำดับ แต่แอ๊ดกลับเริ่มมีปัญหากับสังกัดอโซน่าในการทำเพลง รวมทั้งเป็นอัลบั้มแรกของทางวงที่ถูก คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (กบว.) สั่งห้ามนำไปเผยแพร่ออกอากาศตามสื่อต่าง ๆ คือเพลง ท.ทหารอดทน และ ทินเนอร์ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายอย่างมาก

ความโด่งดังของอัลบั้ม ท.ทหารอดทน ทำให้วงคาราบาวทั้งวงได้เป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง ปล.ผมรักคุณ รวมทั้งสมาชิกแบ็คอัพ คือ เทียรี่ เมฆวัฒนา และ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ด้วย พร้อมกับวงเพรสซิเดนท์ อดีตวงดนตรีที่เล็กและอ๊อดเคยอยู่ และด้วยความโด่งดังของวงคาราบาวนั้น ได้ทำให้เล็กได้รับบทเป็นพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง หยุดหัวใจไว้ที่รัก ในปี 2527 [2]

คาราบาวประสบความสำเร็จมากที่สุดในปลายปี พ.ศ. 2527 เมื่อได้ออกอัลบั้มชุดที่ 5 เมด อิน ไทยแลนด์ เป็นอัลบั้มชุดที่ 5 ซึ่งทำยอดขายได้ถึง 5,000,000 ตลับ ซึ่งเป็นสถิติยอดจำหน่ายอัลบั้มเพลงของศิลปินไทยที่สูงที่สุดของไทยที่ขณะนั้นยังไม่มีใครทำลายได้[3] และเมื่อคาราบาวจัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก คือ คอนเสิร์ตทำโดยคนไทย ที่เวโลโดรม หัวหมาก ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ก็มียอดผู้ชมถึง 60,000 คน แต่กลับเกิดเหตุสุดวิสัยคือผู้ชมขึ้นไปชมคอนเสิร์ตบนอัฒจันทร์ที่เลิกใช้งานแล้ว และมีชมตีกันกลางคอนเสิร์ต จนกลายเป็นนิยามว่า คาราบาวเล่นที่ไหนก็มีแต่คนตีกัน[4] แอ๊ดเตือนเรื่องความปลอดภัยของอัฒจันทร์ ในที่สุดก่อนจบการแสดงครึ่งชั่วโมง และเหลือเพลงที่ยังไม่ได้แสดงอีก 3 เพลง รวมทั้งเพลง เรฟูจี ที่ สุรสีห์ อิทธิกุล ต้องขึ้นไปขับร้องกับวงคาราบาวด้วย และ เพลงประจำคอนเสิร์ตทำโดยคนไทย คือ เมด อิน ไทยแลนด์ แต่อัฒจันทร์ก็ได้ถล่มลงมาทับผู้ชม จนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แอ๊ดจึงประกาศยุติคอนเสิร์ตโดยทันที และเพลงสุดท้ายที่แอ๊ดร้อง คือ รอยไถแปร

สมาชิกคาราบาวยุคคลาสสิคทั้ง 7 คน ในอัลบั้มเวลคัม ทู ไทยแลนด์ (พ.ศ. 2530)

โดยสมาชิกในวงคาราบาวในยุคนั้นเรียกว่า ยุคคลาสสิก มีสมาชิกในวงทั้งหมด 7 คน ประกอบไปด้วย
ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด) : หัวหน้าวง , ร้องนำ , กีตาร์ , แต่งคำร้องและทำนอง
ปรีชา ชนะภัย (เล็ก) : ร้องนำ , แต่งคำร้องและทำนองบางเพลง
เทียรี่ เมฆวัฒนา (รี่) : ร้องนำ , กีตาร์
กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว) : ร้องนำบางส่วน , ประสานเสียง , กีตาร์ , ควบคุมการผลิต , เพอร์คัสชั่น
อนุพงษ์ ประถมปัทมะ (อ๊อด) : เบส
อาจารย์ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี (เล็ก , ธนิสร์) : ขลุ่ย , ประสานเสียง , แซ็กโซโฟน , คีย์บอร์ด
อำนาจ ลูกจันทร์ (เป้า) : กลอง , เพอร์คัสชั่น

ระหว่างปี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2533 เรียกได้ว่าเป็นปีทองของวงคาราบาว โดยมีแอ๊ดเป็นผู้นำ โดยออกอัลบั้มออกมาทั้งหมด 5 ชุด ทุกชุดประสบความสำเร็จทั้งหมด ได้เล่นคอนเสิร์ตที่สหรัฐอเมริกา และในทวีปยุโรปหลายครั้ง รวมทั้งปี พ.ศ. 2528 วงคาราบาวได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ร่วมกันทั้งวง และ มีหลายเพลงของวงดนตรีคาราบาวที่ฮิตและติดอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ คาราบาวจนถึงปัจจุบัน เช่น เมด อิน ไทยแลนด์ , มหาลัย , เรฟูจี , บัวลอย (ถึกควายทุย ภาค 5) , คนจนผู้ยิ่งใหญ่ , ซาอุดรฯ , เจ้าตาก , เวลคัม ทู ไทยแลนด์ , กระถางดอกไม้ให้คุณ , คนหนังเหนียว , บาปบริสุทธิ์ , แม่สาย , ทับหลัง , รักทรหด เป็นต้น อีกทั้งได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเพลงไทยในด้านต่าง ๆ เช่นดังนี้
วงคาราบาวเป็นศิลปินกลุ่มแรกของไทยที่มีโฆษณาลงในปกอัลบั้มและได้รับการสนับสนุนจากภาคธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ในสังคม เช่นเครื่องดื่มโค้ก
คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวง ทำโดยคนไทย ในปี พ.ศ. 2528 นับเป็นคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ครั้งแรกของไทย และ เป็นครั้งแรกที่มีการแสดงดนตรีในเวทีกลางแจ้ง
อัลบั้ม เมด อิน ไทยแลนด์ ที่เป็นประวัติศาสตร์ของวงการเพลงไทย ถึงแม้เพลงนี้จะไม่มีมิวสิกวีดีโอ แต่เมื่อเพลงได้ถูกเผยแพร่ออกไป และ ได้รับความนิยมถึงขีดสุด ทางรัฐบาลในขณะนั้นนำโดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เล็งเห็นถึงความสำคัญในเนื้อหาที่รณรงค์ให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย จึงได้จัดทำมิวสิกวีดีโอขึ้นมาต่างหากเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ แต่ไม่ได้ส่งเสริมการขายอัลบั้มแต่อย่างใด

แต่เพลงของวงคาราบาวบางเพลง แอ๊ดจะแต่งโดยมีเนื้อหาส่อเสียด จึงมักจะถูก คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ หรือ กบว. สั่งห้ามนำไปเผยแพร่ออกอากาศอยู่เสมอ ในแต่ละอัลบั้ม เฉพาะในยุคก่อตั้งจนถึงยุคคลาสสิกจะมีเพลง ท.ทหารอดทน, ทินเนอร์ ในอัลบั้ม ท.ทหารอดทน , หำเทียม ในอัลบั้ม เมด อิน ไทยแลนด์ , หำเฮี้ยน ในอัลบั้ม อเมริโกย , วันเด็ก , ผู้ทน , ค.ควาย ค.คน ในอัลบั้มประชาธิปไตย และ พระอภัยมุณี ในอัลบั้ม ทับหลัง
แยกย้าย และปัจจุบัน[แก้]

สมาชิกวงคาราบาวยุคปัจจุบันในอัลบั้มกำลังใจคาราบาว 30 ปี อัลบั้มที่ทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของวง

ในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีแยกตัวของสมาชิกวงคาราบาวยุคคลาสสิก โดยสมาชิกแต่ละคนได้แยกย้ายกันไปทำอัลบั้มเดี่ยวของตนเอง มีดังนี้ แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล ได้แยกออกไปทำอัลบั้มเดี่ยวในชื่อชุด ทำมือ + ก้นบึ้ง และ โนพลอมแพลม ร่วมกับ อ๊อด - อนุพงษ์ ประถมปัทมะ , เล็ก - ปรีชา ชนะภัย ได้แยกออกไปทำอัลบั้มเดี่ยวในชื่อชุด ดนตรีที่มีวิญญาณ และ ยังมีสมาชิกในวง 4 คนที่ได้แยกตัวเป็นอิสระออกไป คือ เขียว - กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร ซึ่งได้ออกอัลบั้มเดี่ยวคือชุด ก่อกวน รวมทั้ง เทียรี่ เมฆวัฒนา , อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และ เป้า - อำนาจ ลูกจันทร์ ก็ได้แยกตัวออกจากวง และ ออกอัลบั้มร่วมกันในชื่อชุด ขอเดี่ยวด้วยคนนะ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำอัลบั้มเดี่ยวจริง ๆ ของแต่ละคน ส่วนทางวงคาราบาวก็ได้รับสมาชิกเพิ่มเข้ามา มาแทนที่ตำแหน่งที่ออกไปคือ ดุก - ลือชัย งามสม และ โก้ - ชูชาติ หนูด้วง ในอัลบั้มชุดที่ 11 วิชาแพะ เมื่อปี พ.ศ. 2534 และ ยังคงออกอัลบั้มต่อมา แต่ในปี พ.ศ. 2536 หมี - ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ เข้ามาร่วมวงในตำแหน่งกีตาร์โซโล่ เล็กจึงแยกตัวออกไป ต่อมาทางวงได้สมาชิกใหม่อีก 1 คน คือ น้อง - ศยาพร สิงห์ทอง ในอัลบั้มชุดที่ 15 แจกกล้วย เมื่อปี พ.ศ. 2538 และในปีเดียวกันนั้น วงคาราบาวมีอายุครบรอบ 15 ปี คาราบาวจึงได้ออกอัลบั้มชุดพิเศษ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันอีกครั้งของสมาชิกในยุคคาสสิกทั้ง 7 คน ในชื่อชุด หากหัวใจยังรักควาย โดยออกมาถึง 2 ชุดด้วยกัน และ มีการจัดคอนเสิร์ตปิดอัลบั้มคือ คอนเสิร์ตปิดทองหลังพระ ในปี พ.ศ. 2539 แต่หลังจากคอนเสิร์ตนี้ชื่อเสียงและความนิยมของวงคาราบาวเริ่มซาลง เนื่องจากกระแสดนตรีที่เปลี่ยนไป แต่ทางวงก็ยังคงผลิตผลงานออกมาอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดย เล็ก - ปรีชา ชนะภัย , เทียรี่ เมฆวัฒนา ที่แยกตัวออกไปได้กลับมาร่วมวงอีกครั้งตั้งแต่อัลบั้มอเมริกันอันธพาล ในปี พ.ศ. 2541 จนถึงปัจจุบัน มีเพลงดังในช่วงตกอับนี้คือเพลง บางระจันวันเพ็ญ ในอัลบั้มชุด เซียมหล่อตือ หมูสยาม และทางวงก็ได้รับสมาชิกใหม่คืออ้วน - ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย ในตำแหน่งมือกลอง , ขลุ่ย และ แซกโซโฟนตั้งแต่อัลบั้มชุด สาวเบียร์ช้าง ในปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีที่ทางวงวางจำหน่ายอัลบั้ม ลูกลุงขี้เมา ที่ทางวงจัดทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 25 ปีของวง ทางวงได้ปรับไลน์อัพของวงไปเป็นลักษณะแบบปัจจุบัน เนื่องจากน้อง - ศยาพร สิงห์ทอง ได้ขอลาออกจากวงจากปัญหาเรื่องสุขภาพ และได้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557 ส่วนทางวงก็มีผลงานต่อมาอีก 3 ชุด โดยมีเหตุการณ์สำคัญระหว่างออกอัลบั้ม คือ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2553 มีกระแสข่าวออกมาว่า เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของคาราบาว เพื่อผลประโยชน์ด้านการเมือง และเพื่อให้การบริหารจัดการในวงมีความคล่องตัวมากขึ้น แต่ วินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ในฐานะผู้จัดมหกรรมดนตรี 30 ปี คาราบาว ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีของคาราบาวในวาระครบรอบ 30 ปีของวง ซึ่งแสดงเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2554 ถึง พ.ศ. 2555 เพื่อโปรโมทอัลบั้ม กำลังใจคาราบาว 30 ปี ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว[5][6] และอัลบั้มชุดล่าสุดที่วงคาราบาวออกจำหน่าย คือ สวัสดีประเทศไทย ซึ่งวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2557

จนถึงปัจจุบันนี้ คาราบาวมีอัลบั้มทั้งสิ้น 28 ชุด ไม่นับรวมถึงอัลบั้มพิเศษของทางวงหรือของสมาชิกในวง หรือบทเพลงในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากนับรวมกันแล้วคงมีไม่ต่ำกว่า 100 ชุด มีเพลงไม่ต่ำกว่า 1,000 เพลง เป็นวงดนตรีที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดทั้งในวงการดนตรีทั่วไปและวงการเพลงเพื่อชีวิต เป็นที่รู้จักของผู้คนในสังคมทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้ฟังเพลง หรือผู้ที่นิยมในเพลงเพื่อชีวิตเท่านั้น จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ตำนานเพลงเพื่อชีวิต
สมาชิก[แก้]

สมาชิกคาราบาวยุคคลาสสิคทั้ง 7 คน (จากซ้ายไปขวา) แอ๊ด, เทียรี่, เล็ก, เป้า, เขียว, อ๊อด, อ.ธนิสร์

โปสเตอร์เครื่องดื่มโค้ก สมาชิก 7 คน ช่วงอัลบั้มชุด เวลคัมทูไทยแลนด์ปี 2530 โดยมีสโลแกนว่า โค้ก ส่งเสริมคุณค่าแห่งความเป็นไทย (จากซ้ายไปขวา) เขียว , อ๊อด , เทียรี่ , แอ๊ด , เป้า , อ.ธนิสร์ , เล็ก
สมาชิกปัจจุบัน[แก้]

ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด) : หัวหน้าวง , ร้องนำ , กีตาร์ , แต่งเพลงและดนตรี , ประสานเสียง (พ.ศ. 2524 - ปัจจุบัน)
ปรีชา ชนะภัย (เล็ก) : ร้องนำ , กีตาร์ , แต่งเพลงและดนตรีบางส่วน , ประสานเสียง (พ.ศ. 2525 - 2535 , 2538 - 2539 , 2541 - ปัจจุบัน)
เทียรี่ เมฆวัฒนา (รี่) : ร้องนำ , กีตาร์ , ประสานเสียง (พ.ศ. 2526 - 2532 , 2538 - 2539 , 2541 - ปัจจุบัน)
เกริกกำพล ประถมปัทมะ (อ๊อด) : เบส , ประสานเสียง (พ.ศ. 2528 - ปัจจุบัน)
ลือชัย งามสม (ดุก) : คีย์บอร์ด , แตร, แอคคอร์เดียน , ร้องนำบางส่วน , ประสานเสียง (พ.ศ. 2534 - ปัจจุบัน)
ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ (หมี) : กีตาร์ , ประสานเสียง (พ.ศ. 2536 - ปัจจุบัน)

ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ หรือ หมี คาราบาว เกิดวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2509 (49 ปี) ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชื่อเล่นว่า หมี เป็นมือกีตาร์ของวงคาราบาวในยุคปัจจุบัน เข้าร่วมวงกับคาราบาวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 จากอัลบั้ม ช้างไห้ หมีมีสไตล์การเล่นกีตาร์ที่ดุดัน เช่น เพลง แร้งคอย, เช กูวาร่า, เปาบุ้นจิ้นกับคนตัดไม้, แม่สาว, เต่า, หลวงพ่อคูณ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ทำให้คาราบาวเปลี่ยนจากดนตรีแนวเพื่อชีวิตแท้ ๆ ให้กลายเป็นแนวร็อก เห็นได้ชัดในเพลง ลุงขี้เมา ที่มีการเล่นเป็นร็อกแตกต่างจากในอดีตที่เล็ก - ปรีชา ชนะภัย เล่น ชอบเล่นในสไตล์บลู ฟั๊งก์ ในอดีตเคยเป็นมือกีตาร์ของ ฤทธิพร อินสว่าง , วง Up the earth band และ นอกจากเล่นกีตาร์ได้ดีแล้วยังเล่นแมนโดลินได้อีกด้วย ชีวิตส่วนตัว สมรสแล้วมีลูกสาว 2 คนคือ ดาเรศ หุตะวัฒนะ และ ดารารัตน์ หุตะวัฒนะ ซึ่งปัจจุบันเป็นคอรัสให้กับคาราบาว และยังขายสุนัขที่ตลาดนัดสวนจตุจักร
ชูชาติ หนูด้วง (โก้) : กลอง, เครื่องเคาะ , เพอร์คัสชั่น (พ.ศ. 2534 - ปัจจุบัน)

ชูชาติ หนูด้วง หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โก้ คาราบาว มือกลองของวงคาราบาว มีชื่อเล่นว่า โก้ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (68 ปี) ที่กรุงเทพมหานคร เป็นชาวไทยมุสลิม จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โก้ ตีกลองในแนวเฮฟวี่ เมทัลและเคยร่วมเป็นสมาชิกในวงดนตรีเฮฟวี่ เมทัลต่าง ๆ มาแล้ว เป็นจำนวนมาก เช่น คาไลโดสโคป, ชัคกี้ ธัญญรัตน์ และ บลู แพลนเน็ต เป็นต้น เข้าร่วมวงคาราบาวในหน้าที่มือกลองในอัลบั้มชุดที่ 11 วิชาแพะ ในปี พ.ศ. 2534 และเข้ามาเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในอัลบั้ม สัจจะ ๑๐ ประการ จนถึงปัจจุบัน
ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย (อ้วน) : ขลุ่ย , กลอง , เพอร์คัสชั่น , แซ็กโซโฟน , ประสานเสียง (พ.ศ. 2544 - ปัจจุบัน)
อดีตสมาชิก[แก้]

สมาชิกวงคาราบาวทุกรุ่น ในคอนเสิร์ต 20 ปี คาราบาว (พ.ศ. 2546) จากซ้ายไปขวา (หมี , อ้วน , น้อง , เล็ก , แอ๊ด , เป้า , เขียว , รี่ , อ๊อด , โก้ , ดุก)
สานิตย์ ลิ่มศิลา (ไข่) : กีตาร์ (ร่วมก่อตั้งวงแต่ไม่ได้ออกอัลบั้ม)
ไพรัช เพิ่มฉลาด (รัช) : เบส (พ.ศ. 2526 - 2527) (เสียชีวิต)
ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี (เล็ก , ธนิสร์) : คีย์บอร์ด , แซกโซโฟน , ขลุ่ย , ร้องนำบางส่วน , ร้องประสาน (พ.ศ. 2526 - 2531 , พ.ศ. 2538 - 2539 , พ.ศ. 2554 - 2555;ร่วมวงในโอกาสครบรอบ 30 ปี คาราบาว)
อำนาจ ลูกจันทร์ (เป้า) : กลอง , เพอร์คัสชั่น (พ.ศ. 2526 - 2532, พ.ศ. 2538 - 2539)
กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว) : กีตาร์ , ร้องนำ , คีย์บอร์ด , ประสานเสียง (พ.ศ. 2524 - 2533 , พ.ศ. 2538 - 2539 , พ.ศ. 2541 , พ.ศ. 2550 , พ.ศ. 2554 - 2555)
ศยาพร สิงห์ทอง (น้อง) : เพอร์คัสชั่น (พ.ศ. 2538 - 2550) (เสียชีวิต)

ศยาพร สิงห์ทอง (ชื่อเล่น : น้อง : 19 กันยายน พ.ศ. 2506 ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม - 6 มีนาคม พ.ศ. 2557 (50 ปี)[7]) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ น้อง คาราบาว เป็นอดีตสมาชิกวงคาราบาว จบการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ป.ว.ส.) น้องเคยร่วมงานกับวงดนตรีและนักดนตรีต่าง ๆ มามากมาย อาทิ ฟรีเบิร์ดส, ฤทธิพร อินสว่าง , พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ และ ยิ่งยง โอภากุล หรือ อี๊ด พี่ชายฝาแฝดของ ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว (หัวหน้าวง) เข้าร่วมวงคาราบาวในฐานะมือกลองเพอร์คัสชั่นและร้องประสานเสียง ตั้งแต่อัลบั้มชุด แจกกล้วย ในปี พ.ศ. 2538 ชีวิตส่วนตัว น้องสมรสแล้วและมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อเล่นว่า อะตอม น้องได้ขอลาออกจากวงไปในปี พ.ศ. 2550 เนื่องจากป่วยเป็นระยะเวลานานและได้เสียชีวิตไปในเวลาเช้าของวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557